No Image Available

โครงการบูรณาการของการใช้เห็ดเผาะเพื่อฟื้นฟูป่าและลด PM 2.5 ที่เกิดจากการเผาป่า ในบริเวณพื้นที่รอยต่ออุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดลำพูน

- Integrative project of using of Astraeus odoratus to restore forests and reduce PM 2.5 caused by forest floor burning in the area of Mae Ping National Park boundary Lamphun Province
 ผู้แต่ง:: ผศ. ดร.จิตรตรา เพียภูเขียว  หน่วยงาน:: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ปีเผยแพร่:: 2021  ประเทศ:: ไทย  ภาษา:: ไทย More Details  อ่านเพิ่มเติม
 บทคัดย่อ:

ปัญหาไฟป่าในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง จ.ลำพูนมีความรุนแรงมากเป็นอันดับต้นของประเทศ และเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดหมอกควัน PM2.5 ที่สำคัญในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งสาเหตุหลักของไฟป่าเหล่านี้มาจากปัญหาปากท้องของชาวบ้านซึ่งต้องพึ่งพาป่าในการดำรงชีวิต เช่น ต้องการเห็ดเผาะ และผักหวานป่า เพื่อเป็นอาหารและสร้างรายได้ โดยขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนั้น โครงการวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์ในปีแรก ได้แก่ 1.) ลดการเผาป่าและ PM 2.5 ด้วยการฟื้นฟูป่าชุมชนและเพิ่มผลผลิตเห็ดเผาะในพื้นที่ป่าชุมชนโดยการไม่เผาป่า 2.) สร้างป่าไม้พื้นถิ่นต้นแบบ ที่เป็นแหล่งอาหารและรายได้อย่างยั่งยืน สำหรับการดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การทำวิจัยและการขยายผล ในการทำวิจัยแบ่งออกเป็น 2 พื้นที่ ในพื้นที่แรกเป็นการฟื้นฟูป่าชุมชนด้วยราไมคอร์ไรซาเห็ดเผาะ โดยวางแปลงศึกษาในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านก้อทุ่ง และ ป่าชุมชนบ้านห้วยทรายขาว อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน แต่ละพื้นที่แบ่งเป็นแปลงทดลองใส่ราไมคอร์ไรซาเห็ดเผาะ และ แปลงทดลองควบคุมที่ไม่ใส่ราไมคอร์ไรซาเห็ดเผาะ แปลงละ 3 ซ้ำ จากการตรวจสอบรากไมคอร์ไรซาในป่าชุมชนบ้านก้อทุ่งและบ้านห้วยทรายขาวด้วยวิธีทางสัณฐานวิทยาและอณูชีววิทยา ทุก 3 เดือน ระหว่างพฤษภาคม 2564 ถึงกุมภาพันธ์ 2565 พบจำนวนปลายรากเฉลี่ย 53 และ 283 ปลายรากต่อตัวอย่าง จำแนกเป็นลักษณะรากไมคอร์ไรซา 12 และ 16 ลักษณะตามลำดับ ถึงแม้ว่ายังไม่พบรากไมคอร์ไรซาเห็ดเผาะ แต่พบการเปลี่ยนแปลงของจำนวนรากไมคอร์ไรซาและคุณสมบัติดินในรอบปี เป็นข้อมูลพื้นฐานสำคัญที่นำมาประยุกต์ใช้ราไมคอร์ไรซาเห็ดเผาะเพื่อเพิ่มผลผลิตของเห็ดเผาะให้ประสบความสำเร็จในอนาคต ส่วนงานวิจัยในอีกพื้นที่เป็นการปลูกป่าต้นแบบในพื้นที่รอยต่ออุทยานด้วยกล้าไม้วงศ์ไม้ยางร่วมกับการใช้ราไมคอร์ไรซาเห็ดเผาะ โดยสร้างแปลงปลูกป่าขนาด 15 ไร่ ในเขตอุทยานซึ่งแต่เดิมถูกบุกรุกทำการเกษตร ใช้ปลูกป่า 3 ประเภท ๆ ละ 5 ไร่ ได้แก่ ป่าเต็งรัง เบญจพรรณ และเต็งรังผสมเบญจพรรณ โดยใช้ระยะปลูก 4 ระยะ ใช้กล้าไม้พื้นถิ่น 13 ชนิด เป็นจำนวน 6,888 ต้น หลังจากย้ายปลูก 7 เดือนพบว่ากล้าไม้มีอัตราการรอดร้อยละ 76-98 และมีการเจริญเติบโตดี มีความสูงเฉลี่ยประมาณ 30 เซนติเมตร จากการวิเคราะห์สังคมราในดินก่อนปลูก พบว่าส่วนใหญ่เป็นราในไฟลัม Ascomycota ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ย่อยสลาย หลังย้ายปลูกกล้าไม้ 7 เดือนพบราในไฟลัม Basidiomycota รวมถึงราเอคโตไมคอร์ไรซามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น สำหรับการขยายผลในปีแรกของโครงการเป็นการสร้างแปลงต้นแบบวนเกษตรในพื้นที่ของเกษตรกร เป็นการปลูกต้นกล้ายางนาและตะเคียน ซึ่งมีการใส่หัวเชื้อเห็ดเผาะ ร่วมกับไม้เกษตรทั้ง 3 ชั้นเรือนยอด จำนวน 11 ชนิด และพืชไร่ ได้แก่ ถั่วเขียว จากการดำเนินงานทุกส่วนของโครงการในครั้งนี้นับว่าเป็นแนวทางหนึ่งที่ทำให้ไฟป่าและหมอกควันจากการเผาป่าเพื่อหาของป่าของชาวบ้านในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่ปิงลดลง โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งสามารถสะท้อนได้จากจำนวนวันที่มีค่า PM2.5 เกิน 50 ไมโครกรัม/ลบ.ม.ในเดือนกุมภาพันธ์ลดงจาก 28 วันในปี 2564 เหลือเพียง 4 วันในปี 2565 รวมถึงขนาดของพื้นที่ป่าที่ถูกไฟไหม้ในปีนี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน และจะเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการไฟป่าและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติจากป่าอย่างยั่งยืน

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง - โครงการเดี่ยว

Copyright © 2025 HTAPC-NRCT-CCCACC-TU | Hub of Talents on Air Pollution and Climate Inspiro Theme by WPZOOM