การจัดประชุมเสวนาในหัวข้อ “รู้ทันผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่น PM2.5”

วันที่ 8 มกราคม 2568 ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ (Hub of Talents on Air Pollution and Climate, HTAPC) ภายใต้สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้จัดการเสวนา “รู้ทันผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 ณ ศูนย์สารสนเทศกลางด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ชั้น 1 อาคาร วช. 8 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และผู้เข้าร่วมการเสวนาทางออนไลน์ผ่านระบบ Zoom Meeting และถ่ายทอดสดทาง Facebook Live 

การเสวนาครั้งนี้นำโดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ให้เกียรติเข้าร่วมและกล่าวเปิดงาน พร้อมทั้งเป็นตัวแทน วช. ในการกล่าวถึงการสนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรมตามแผนงานสำคัญของประเทศ ตลอดจนการให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อย่างต่อเนื่องจากนั้น การเสวนาเริ่มด้วยหัวข้อ สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทย โดย ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา ผู้อำนวยการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญฯ กล่าวว่า แม้แนวโน้มฝุ่น PM2.5 จะลดลงในระดับประเทศ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2540-2566) แต่กรุงเทพมหานครยังคงเผชิญปัญหาในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม และช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม เนื่องจากแหล่งกำเนิดมลพิษที่สำคัญ ได้แก่ รถยนต์ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นทุกปี อีกทั้งสภาพภูมิประเทศและอุตุนิยมวิทยาที่เอื้อต่อการสะสมฝุ่นละออง จากสถานกาณ์ฝุ่น PM2.5 ข้างต้น จึงนำไปสู่หัวข้อ ผลกระทบต่อสุขภาพ โดย รศ.ดร.นพ.บุญรัตน์ ทัศนีย์ไตรเทพ จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ระบุว่าฝุ่น PM2.5 เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคระบบทางเดินหายใจ โดยกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มเด็กเล็ก กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว กลุ่มคนทำงานกลางแจ้ง และกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่ง ผลกระทบในกลุ่มเด็กเล็ก เป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดย อ.พญ รัชนีวรรณ สินิทธ์กุล จากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ชี้ให้เห็นว่าปริมาณฝุ่นที่เข้าสู่ร่างกายเด็กมีโอกาสสูงกว่าผู้ใหญ่ โดยเด็กเล็กสามารถรับปริมาตรอากาศที่หายใจเข้าออกใน 1 นาที อยู่ที่ 333 มล./กก./นาที ขณะที่ผู้ใหญ่อยู่ที่ 100 มล./กก./นาที ซึ่งส่งผลต่อพัฒนาการและระบบทางเดินหายใจของเด็ก อาจนำไปสู่โรคหอบหืดและพัฒนาการทางสมองที่ล่าช้า และสุดท้าย คุณนัยนา ใช้เทียมวงศ์ จากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึง มาตรการรับมือกับผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 ที่ประชาชนควรได้รับการดูแลจากกระทรวงสาธารณสุข โดยเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจและส่งเสริมองค์กรในการลดมลพิษ การป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพ การจัดบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เหมาะสม รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมการเสวนาได้แสดงความคิดเห็นและให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับการสวมหน้ากากอนามัยที่แนบสนิทกับใบหน้า งดกิจกรรมกลางแจ้งเมื่อค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน และใช้ข้อมูลพยากรณ์ฝุ่นในการวางแผนล่วงหน้าเพื่อวางแผนรับมือ ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและส่งเสริมสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง

Leave a Comment